Header Ads

การติดตั้งและใช้งาน Indicators Position Size Calculator

 
 
 
อินดิเคเตอร์ Position Size Calculator เป็นเครื่องมือ ที่ช่วยคำนวณความเสี่ยงของเงินได้พอร์ต หรือบัญชีเทรด Forex ได้เป็นอย่างดี 
( สามารถใช้งานได้กับทุก Broker เช่น Exness , XM , IC market เป็นต้น รวมไปถึงนำไปกับบัญชีที่ใช้สอบกองทุนต่างประเทศได้ )
 

 
 
ซึ่งอินดิเคเตอร์ตัวนี้ จะแสดงตัวเลขของจำนวนเงินที่ขาดทุน และได้กำไร รวมไปถึงตัวเลขของความคุ้มค่าของการเสี่ยงหรือ Risk Reward ในการเทรด หรือในการเข้าออเดอร์ในแตะละครั้ง ว่าคุ้มที่จะเสี่ยงหรือไม่
โดยปกติแล้ว นักเทรดมืออาชีพ หรืออาจารย์ที่สอนเทรด Forex ส่วนใหญ่ มักจะแนะนำในการเทรดแต่ละครั้งว่า.. ควรมี Risk Reward ให้ได้อย่างน้อย 1.5 ขึ้นไป ในแต่ละไม้ หรือในแต่ละออเดอร์ เพื่อจะให้ได้ตัวเลขในฝั่งที่เป็นกำไร มากกว่าจำนวนเงินที่ขาดทุน.
และความเสี่ยงแต่ละครั้ง สำหรับมือใหม่ ไม่ควรเกิน 5 % ของจำนวนเงินในพอร์ต
หากเราทำตามนี้ได้ ก็จะสามารถยืนระยะ หรืออยู่ในตลาดนี้ ได้นานขึ้นนั่นเองครับ
 
โดยสรุปแล้วอินดิเคเตอร์นี้ จะทำให้เรารู้ว่าจะขาดทุน หรือได้กำไรเท่าไร ก่อนที่จะเข้าออเดอร์จริงนั่นเอง ซึ่งจะมีประโยชน์มากๆ เลยครับ
 
 

โดยเพื่อนๆ สามารถติดตั้ง Indicators Position Size Calculator ตามขั้นตอนในลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย 

โดยจะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลักๆ  ดังนี้

1.การติดตั้ง Indicators Position Size Calculator

2.อธิบายเมนูต่างๆ ของ Indicators

3.ยกตัวอย่างการเข้าออเดอร์จริง

 

หัวข้อที่ 1 การติดตั้ง Indicators Position Size Calculator

 
1.ดาวน์โหลดไฟล์ Indicators Position Size Calculator จากลิงค์ ด้านล่างนี้ก่อน
 
 
 
2.จากนั้น ให้เราแตกไฟล์ออกด้วยโปรแกรม Winrar หรือ 7zip จะได้โฟลเดอร์แบบในภาพ
 

 
 
2.จากนั้น เปิดโปรแกรม Meta Trader 4 ( MT4 ) ขึ้นมาแล้ว คลิกที่ปุ่ม File ด้านซ้ายมือบนของโปรแกรม
แล้วเลือกเมนู Open Data Folder
 
 

 


3.จากนั้น ให้เราเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ MQL4


5.จากนั้นเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ Indicators ที่อยู่ด้านในอีกที


6.เสร็จแล้ว ให้เราไปที่โฟลเดอร์ PositionSizeCalculator แล้วก็อบปี้โฟลเดอร์ PositionSizeCalculator ที่อยู่ด้านในอีกที

 

 

7.แล้วไปที่โฟลเดอร์ Indicatos ที่เราเปิดค้างไว้เมื่อกี้ จากนั้นคลิกขวาพื้นที่ว่าง แล้ว Paste วางโฟลเดอร์ที่ก็อปปี้มา ลงไป



 
 
 8.เสร็จแล้ว เราจะเห็นว่ามีโฟลเดอร์ Position Size Calculator ขึ้นมาในโฟลเดอร์ Indicators แบบในภาพนี้


 
 
 
 9.หากเราลองเปิดเข้าไปด้านใน ก็จะมีไฟล์อยู่ทั้งหมด 3 ไฟล์ ตามภาพ

 

 
 
 
10.จากนั้น ให้เราย้อนกลับไปที่โฟลเดอร์ MQL4 แล้วเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ Scripts


11.จากกลับไปที่โฟลเดอร์ PositionSizeCalculator ที่เราแตกไฟล์ออกมาตอนแรก แล้วเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ Script 

 

 
 
12.จากนั้น คลิกขวาที่ไฟล์ PSC-Trader.mq4 แล้วเลือก Copy
 

 

13.เสร็จแล้ว ให้เรากลับไปที่โฟลเดอร์ Scripts ในโฟลเดอร์ MQL4 แล้วคลิกขวา Paste ลงไป
 




14.วางไฟล์เสร็จแล้ว ให้เราปิดโฟลเดอร์ของโปรแกรม Meta Trader ได้เลยครับ
 




15.จากนั้น ที่โปรแกรม Meta Trader 4 ให้เราคลิกขวาที่แถบ Navigator แล้วเลือก Refresh




16.จากนั้น ให้เราคลิกปุ่ม Tools ที่อยู่ด้านบนของโปรแกรม Meta Trader 4
 




17.เลือกเมนู MetaQuotes Language Editor




18.ให้เราคลิกขยายโฟลเดอร์ Indicators ที่อยู่ด้านซ้ายมือ ตามภาพ
 




19.หลังจากขยายแล้ว ให้เราดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ PositionSizeCalculator.mq4 แบบในภาพ
 


20.หากเลือกไฟล์ถูกต้อง ตรงด้านบนนี้จะขึ้นชื่อไฟล์ PositionSizeCalculator.mq4 แบบในภาพ




21.เสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่ม Compile

 


22.หากทุกอย่างถูกต้อง ด้าน 0 error, 0 warnings msec elapsed แบบในภาพ




23.เสร็จแล้ว ให้เราขยายโฟลเดอร์ Scripts ที่อยู่ด้านล่าง



24.แล้ว ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ PSC-Trader.mq4




25.หากเลือกไฟล์ถูกต้อง ตรงนี้จะขึ้นชื่อไฟล์ PSC-Trader.mq4

 



26.จากนั้น คลิกที่ปุ่ม Compile อีกรอบ


27.หากทุกอย่างถูกต้อง ด้าน 0 error, 0 warnings msec elapsed



28.เสร็จแล้ว ให้เราปิดหน้าต่าง Meta Editor 




29.จากนั้น ให้ทำการปิดโปรแกรม Meta Trader 4 ต่อได้เลย




หัวข้อที่ 2 อธิบายเมนูสำคัญต่างๆ ของ Indicators Position Size Calculator


1.หลังจากติดตั้ง Indicators และปิดเปิดโปรแกรม Meta Trader 4 ขึ้นมาแล้ว 
ให้เราเลื่อนหาอินดิเคเตอร์ PositionSizeCalculator ที่แถบ Navigator ที่อยู่ด้านข้างของโปรแกรมแบบในภาพ แล้วลากไปไว้ที่กราฟ




2.จะได้หน้าต่าง Position Size Calculator เวอร์ชัน 2.24 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด จากทีมผู้พัฒนาของต่างประเทศ




 
3.คราวนี้ ให้เราตั้งค่าตามขั้นตอนด้านล่างนี้. คลิกขวาที่พื้นที่ว่าง แล้วเลือกเมนู Indicators List



 

4.เลือกเมนู PositionSizeCalculator แล้วคลิกที่ปุ่ม Edit



5.สำหรับเพื่อนคนไหน ที่ใช้ Background หรือพื้นหลังของกราฟเป็นสีขาว ให้เปลี่ยนสีของเมนู ตามภาพที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลย
 

 

เปลี่ยนให้เป็นตามนี้ได้เลยครับ 
 
SL Label Color = Red

TP Label Font Color = Blue

Entry Line Color = Black

Stop-Loss Line Color = Red

Take-Profit Line Color = Blue

ตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้เรา คลิกปุ่ม OK ที่อยู่ด้านล่างต่อได้เลย




6.จากนั้นคลิกที่ ปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าต่าง Indicators list
 


7.ปุ่มนี้ จะเป็นปุ่มสั่งให้แสดง และไม่ให้แสดงเส้นแนวนอน ของ Indicators
เช่น เส้น Entry , เส้น Take Profit , เส้น Stop Loss




8.ในช่องนี้จะเป็นราคาที่กำลังวิ่งอยู่บนกราฟ
 




9.ปุ่มนี้จะปุ่มที่แสดงสถานะ Long กับ Short ของ Indicators
 
Long หมายถึง ออเดอร์ Buy 
Short หมายถึง ออเดอร์ Sell
 



10.ตัวเลขในช่องนี้ จะเป็นช่องให้เราใส่ค่าของราคาที่ปิดในฝั่งที่เป็นกำไร หรือจุดที่เป็น Take Profit




11.ตรงช่อง Account Balance นี้ จะเป็นจำนวนเงินที่อยู่ในพอร์ต หรือบัญชีที่เราทีเราใช้ในการเทรด




12.ตัวเลขในช่อง Risk % จะเป็นเปอร์เซนต์ความเสี่ยง ต่อจำนวนเงินในพอร์ตทั้งหมด ซึ่งจะสัมพันธ์กับจำนวน Lot ที่เราใช้ในการเข้าออเดอร์




13.ในช่องนี้จะเป็นจำนวนเงินของจุด Stop Loss ว่าในออเดอร์นั้นๆ เราจะเสียเงินเท่าไร ในเคสที่กราฟวิ่งมาในฝั่งขาดทุน

 

 

 

14.ในช่องนี้จะเป็นจำนวน Lot Size หรือ Position Size ในการเข้าออเดอร์เทรด
 


15.ปุ่ม Instant ตรงนี้ หมายถึงเป็นการคำนวณ หากเราเข้าออเดอร์ทันที ในขณะที่กราฟวิ่งอยู่




16.หากเราคลิกที่ปุ่ม Instant 1 ครั้ง ตรงนี้จะเป็นการคำนวณแบบ Pending Order ที่เป็นการค่าซื้อขายล่วงหน้า เกี่ยวกับคำสั่ง Sell Stop / Sell limit และ Buy Stop / Buy Limit อีกที





หัวข้อที่ 3 ตัวอย่างการใช้งาน Indicator


1.ยกตัวอย่าง สมมุติว่าเราจะเข้าออเดอร์ Buy ในคู่ EURJPY

 
 
2.หากต้องการเทรดแบบทันทีในขณะนั้น ให้เราเปลียนตรงนี้เป็น Long แล้วคลิกให้ปุ่มในบรรทัด Order type : ให้เป็น Instant




 
3.ด้วยการลองเข้าออเดอร์ที่ Position Size ที่ 0.01 Lot กับเงินที่มีอยู่ในพอร์ต ตอนนี้ 100 USD
 




4.สมมุติว่าหากเราเข้าออเดอร์ BUY ในช่วงที่ราคากำลังวิ่งอยู่ที่ 138.409 และตั้ง Stop Loss จุดตัดไว้ที่ 137.959 หน่วย.  ในเคสที่กราฟวิ่งมาชนเส้น Stop Loss เราจะเสียเงินในพอร์ตอยู่ที่ 3.33 USD กับเคสนี้




5.สมมุติ เราคิดว่าราคาน่าจะขึ้นไปถึง 139.150 แล้วเราต้องการเป็นจุดปิดออเดอร์ในฝั่งทำกำไร หรือจุด Take Profit . ให้เราพิมพ์ตัวเลข  139.150 ลงไปในช่อง Take Profit นี้

 


6.ตัว Indicator Position Size Calculator จะทำการคำนวณ ตัวเลขในฝั่งกำไร ให้เราในช่อง Reward,USD : ตรงนี้ 

ตัวอย่าง ในการเข้าเทรดไม้นี้ หากราคาขึ้นไปถึงจุดที่ Admin ตั้งไว้ ก็จะได้กำไรอยู่ที่ 6.08 USD นั่นเอง
 
 

 
 
7.ส่วนตัวเลขในช่อง Reward / Risk จะบ่งบอกถึงความคุ้มค่าในการเสี่ยง ว่าคุ้มหรือไม่
ซึ่งมือใหม่ หรือผู้ที่เทรดยังไม่นาน แนะนำให้การเข้าออเดอร์ทุกครั้ง ควรมี Risk Reward อยู่ที่ 1.5 เท่า ขึ้นไป เพื่อรักษาตัวเลขในฝั่งกำไร ให้เยอะกว่ากว่าฝั่งขาดทุน.
และหากเราทำแบบนี้บ่อยๆ ก็จะสามารถอยู่ในตลาดนี้ได้แบบมั่นคงมากขึ้น
 
 


8.หลังจากที่เราตั้งค่า Stop Loss กับ Take Profit เสร็จแล้ว จะปรากฏเส้นสีน้ำเงิน และเส้นสีแดง 

แบบในภาพ




9.ซึ่งตัวเลขสีน้ำเงิน จะเป็นระยะระหว่างจุด Take Profit ( จุดปิดออเดอร์ในฝั่งที่เป็นกำไร ) ด้วยการวัดเป็นจำนวนหน่วย 

โดยในตัวอย่างนี้ จุด Take Profit จะอยู่ห่างจากจุดที่เข้าออเดอร์ 892 จุด นั่นเอง

 



10.คราวนี้ เราจะมาดูตัวอย่างการเข้าออเดอร์แบบล่วงหน้า หรือแบบ Pending Order

ด้วยการเข้าเทรดฝั่ง BUY ( Long ) ที่ราคา 1 EUR = 137.811 Yen ( เยน ) ที่จำนวน 0.02 Lot



11.และได้ตั้งจุด Stop Loss ที่ราคา 1 EUR = 137.272 Yen ( เยน )  กับตั้งจุด Take Profit ไว้ที่ราคา 1 EUR = 138.832 Yen ( เยน )
 
จากนั้น ตัว Indicator จะคำนวณตัวเลขในฝั่งขาดทุน และในฝั่งกำไรขึ้นมา ให้เราแบบในภาพ
ในตัวอย่าง ในการเทรดครั้งนี้หากขาดทุนจะขาดทุนอยู่ที่ 7.91 USD แต่หากได้กำไรจะได้อยู่ที่ 15.08 USD



12.และ Risk Reward จะอยู่ที่ 1.89 เท่าของความเสี่ยง ซึ่งเป็นจุดที่ Admin รับได้ในการเทรดครั้งนี้

 


13.หลังจากที่เราให้ Indicators Position Size Calculator ทำการคำนวณ ตัวเลขขาดทุน และกำไรเรียบร้อยแล้ว. คราวนี้ เราจะมาทำการเข้าออเดอร์จริงกันครับ ด้วยการคลิกขวาพื้นที่ว่างที่อยู่บนกราฟ จากนั้นเลือกเมนู One Click Trading


14.ตั้งจำนวน Lot Size ตรงนี้ ให้ตรงกับที่เราใส่ไว้ใน Indicators

ยกตัวอย่าง ออเดอร์นี้ เราจะตั้ง Pending Order หรือคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า อยู่ที่ 0.02 lot

 



15.ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ราคา 137.811 ให้ตรงกับที่เราได้ตั้งค่าไว้ใน Indicators
จากนั้น คลิกขวา แล้วเลือกคำสั่ง Buy Limit แบบในภาพ
 
 


16.หลังจากที่เราตั้งออเดอร์ซื้อขายล่วงหน้าแล้ว โปรแกรม Meta Trader 4 ( MT4 ) เค้าจะแสดงประเภทรายการ ที่เราตั้งค่าไว้อยู่ที่ด้านล่างของโปรแกรม แบบในภาพนี้

 


17.หลังจากที่เราตั้งค่าออเดอร์เสร็จแล้ว ให้เราคลิกปุ่ม Hide line ที่ตัว Indicators.

เพื่อไม่ให้เส้นแนวนอนของตัว Indicators ไปทับกับเส้นประของออเดอร์นั้นๆ

 



18.หลังจากคลิกปุ่ม Hide lines แล้ว เราจะสามารถมองเห็นเส้นประสีเขียว ซึ่งบ่งบอกถึงสถานะออเดอร์ล่วงหน้า แบบในภาพ




19.คราวนี้ เราจะทำการตั้งค่า Stop Loss จุดตัดขาดทุน และจุด Take Profit จุดทำกำไร ให้กับออเดอร์ล่วงหน้าที่เราตั้งไว้

ด้วยการคลิกขวาที่เส้นประสีเขียว แล้วเลือกเมนู Modify แบบในภาพ


20.จากนั้น ให้เราก็อปปี้ตัวเลขในช่อง Stop-loss ของ Indicators ไปวางในช่อง Stop Loss ของออเดอร์ ที่เราตั้งไว้

ตัวอย่างนี้จะตั้งไว้ที่ 137.272 จุด


21.จากนั้นก็อปปี้ ตัวเลขในช่อง Take-profit ไปใส่ในช่อง Take Profit แบบในภาพ



22.เสร็จแล้ว ให้เราคลิกที่ปุ่ม Modify




23.ตอนนี้ที่กราฟจะมีเส้นประแสดงขึ้นมา 2 เส้น ก็คือเส้น Take Profit ที่อยู่ด้านบน กับเส้น Stop Loss ที่อยู่ด้านล่างออเดอร์



24.หากเราลองเลื่อนเมาส์ไปวางบนเส้น Take Profit ของออเดอร์นี้ ก็จะเห็นว่าตัวเลขในฝั่งที่เป็นกำไรจะอยู่ที่ 15.08 USD เท่ากันกับที่ Indicator คำนวณออกมา




25.หากเราลองเลื่อนเมาส์ไปวางบนเส้น Stop Loss ของออเดอร์ ก็จะเห็นว่าตัวเลขในฝั่งขาดทุน จะเท่ากันกับที่ Indicators คำนวณออกมา

ตัวอย่างออเดอร์นี้ หากกราฟวิ่งผิดทางกับที่คาดการณ์ไว้ Admin จะเสียเงินอยู่ที่ 7.96 USD นั่นเองครับ



แต่หากเราต้องการปิด หรือย่อหน้าต่างของ Indicators สามารถคลิกปุ่มแบบในภาพนี้ได้เลยครับ



Admin หวังว่าบทความนี้จะมีประโยนช์กับคนที่เริ่มต้นเทรด Forex ใหม่ๆ ทุกท่านครับผม

ทุกคนสามารถเข้าไปกด Like และกด Subscribe ช่อง Youtube ของ Trademaxthai ไว้

เพื่อไม่ให้พลาดทุกการอัพเดท เทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับตลาด Forex และทองคำได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้

👉 https://www.youtube.com/channel/UCFjc1Ypd_vPhpYP18v5Z-jg








ขับเคลื่อนโดย Blogger.