Header Ads

Workshop การเทรด Forex สำหรับผู้เริ่มต้นในปี 2022

 

เนื่องจากแต่ละวันจะมีพี่ๆ เพื่อนๆ ที่สนใจการเทรด Forex สอบถามข้อมูลต่างๆ เข้ามาทาง Facebook เยอะมาก .

วันนี้ Admin เลยนำข้อมูลที่ถูกถามมา รวบรวมเป็นคำตอบ และคำแนะนำดีๆ ทำออกมาในแบบของคู่มือในรูปแบบของ Workshop ย่อยๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ มือใหม่นำไปต่อยอดด้วยตัวเองได้แบบมั่นใจมากยิ่งขึ้น 

โดยบทความนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการชักเชิญการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น จัดทำขึ้นมาเพื่อการศึกษาที่เป็นไอเดีย หรือแนวทางส่วนตัวเท่านั้น .



1.โดยสิ่งที่แรกที่เราต้องมีก่อน ถึงจะเริ่มเทรดได้ นั่นก็คือ Broker ( โบรกเกอร์ )

ในการฝากถอนเงินเข้าบัญชี เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับตลาด Forex ผ่าน Platform หรือระบบที่เรียกว่า Meta Trader ซึ่งจะมีอยู่ 2 เวอร์ชัน MT4 และ MT5 แต่นักเทรดส่วนใหญ่จะใช้เป็นเวอร์ชัน MT4 เพราะหลายคนจะมองว่าทำงานได้เสถียรลื่นไหลกว่า MT5 โดยการเลือก โบรกเกอร์นั้นเราสามารถค้นหาจากใน Google ที่มีเว็บต่างๆ แนะนำไว้อีกที หรือจะใช้แบบเดียวกับที่ Admin ใช้เทรดอยู่ในปัจจุบันได้เลยครับ

โบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเทรดใหม่ๆ 👍 https://trademaxthai.blogspot.com/2022/03/admin.html

แต่จริงๆ ผมอยากให้ทุกท่านที่เริ่มเทรดใหม่ ทดลองเทรดแบบเป็นการฝึกฝน ด้วยบัญชีทดลอง ที่ไม่ใช้เงินจริงก่อน

ตามนี้ 👉 https://www.facebook.com/Droidmaxthai.Team.Vip.support/posts/2266932356779146

 

2.หลังจากที่เราลองเทรดผ่านบัญชีทดลอง และเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ผ่านแล้ว ( เป็นคำถามที่มีถามเข้ามากันบ่อย ) ว่าควรฝากเงิน และควรเข้าออเดอร์ ในการเทรดครั้งแรกเท่าไรดี สำหรับมือใหม่

ส่วนใหญ่หลายๆ ที่ในต่างประเทศ เค้าจะแนะนำให้ฝากเงินเข้าไปครั้งแรกประมาณ 1,500 - 3,000 บาท และแนะนำให้เทรดอยู่ที่ Lot Size อยู่ที่ 0.01 โดยให้ตั้งค่า เลเวอเรจ ( Leverage ) ในระบบของโบรกเกอร์ที่เราใช้งานอยู่ที่ 1:200 ก่อนในช่วงแรก ( ในช่วงที่เริ่มต้นเทรดใหม่ๆ )

ตัวอย่างในภาพด้านล่างนี้ เป็นการตั้งค่า เลเวอเรจ 1:200 ของ Exness ( โบรกเกอร์อื่น ก็จะคล้ายๆกัน )

1.หลังจากที่เรา ล็อคอินเข้าบัญชี Exness ของเราแล้ว คลิกที่ปุ่ม Setting ( ตั้งค่า ) แบบในภาพ


2.เลือกเมนู เปลี่ยนเลเวอเรจ


3.เลือก ตรงนี้ ให้เป็น 1:200


4.จากนั้น คลิกที่ปุ่ม กำหนดเลเวอเรจ


5.เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม ยืนยัน อีกครั้ง


6.เสร็จแล้ว ค่าเลเวอเรจ ตรงนี้จะเปลี่ยนเป็น 1:200


3.หลังจากที่เราติดตั้งโปรแกรม Meta Trader MT4 ลงในคอมแล้ว Admin แนะนำให้เราติดตั้งไฟล์ Candle Template ด้านล่างนี้ก่อน เพื่อให้เราสามารถดูกราฟราคา เป็นแท่งเทียนได้ง่ายขึ้น

👍 ดาวน์โหลดไฟล์ Candle Template คลิกที่นี่

ดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้เราตั้งค่า Load Template แบบตัวอย่างด้านล่างนี้ต่อได้เลย

1.เปิดโปรแกรม Meta Trader MT4 ขึ้นมาแล้ว คลิกขวาที่พื้นที่ว่าง จากนั้นเลือกเมนู Template


2.เลือกไฟล์ Candle Template.tpl ที่เราดาวน์โหลดไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นคลิกปุ่ม Open


3.จากนั้น จะเห็นว่าหน้าตาของกราฟเปลี่ยนไป เป็นพื้นหลังสีขาว และมีแท่งเทียนสีเขียวกับแท่งสีแดง


4.โดยแท่งเทียนสีเขียว จะบอกถึงสถานะของฝั่งผู้ซื้อ หรือฝั่ง BUY 

ส่วนแท่งเทียนสีแดง จะบอกถึงสถานะของฝั่งผู้ขาย หรือฝั่ง SELL



4.คราวนี้เราจะเลือกคู่เงินที่เป็นคู่หลักที่ในตลาดถือเป็นคู่เงิน Major หรือคู่เงินหลักเข้ามาในโปรแกรมก่อน

ตามตัวอย่างในภาพด้านล่างนี้ 

1.ให้เราเปิดการทำงานของ 3 ปุ่มที่อยู่ด้านบนขวามือ แบบในภาพก่อน เนื่องจากบางท่านอาจเผลอไปกดปิด


2.ให้เราคลิกขวาที่พื้นที่ว่าง ด้านขวา แบบในภาพ แล้ว เลือกเมนู Symbols



3.เบื้องต้น ให้เราเลื่อนขึ้นมาด้านบนสุดของหน้าต่าง Symbols จากนั้น ขยายเมนู Forex_group ที่อยู่บรรทัดแรก แบบในภาพ



4.แล้วให้เราเลือกคู่เงิน ทองคำที่เทรดกันบ่อยๆ ดังนี้

เลือกคู่ AUDUSD จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Show

เลือกคู่ EURUSD แล้วคลิกที่ปุ่ม Show

 

เลือกคู่ NZDUSD แล้วคลิกที่ปุ่ม Show


เลื่อนลงไปเลือก USDJPY แล้วคลิกที่ปุ่ม Show


เลือกคู่ CADJPY แล้วคลิกที่ปุ่ม Show


เลือกคู่ EURJPY แล้วคลิกที่ปุ่ม Show



สำหรับท่านใดที่เริ่มเทรดคล่องแล้ว หากอยากลองเทรดทองคำ ให้เลือกคู่ XAUUSD แล้วคลิกปุ่ม Show ได้เลยครับ


สำหรับใครที่ต้องการเทรด Bitcoin ให้ขยายในส่วนของเมนู Crypto_group แล้วเลือกคู่ BTCUSD

แต่ Admin จะยังไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนที่ฝึกเทรดใหม่ เนื่องจากความผันผวนของราคาค่อนข้างสูง


สำหรับใครที่ชอบติดตามข่าว เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อาจสามารถคาดการณ์ราคาได้

หากต้องการเทรดราคาน้ำมันดิบ สามารถ USOIL ได้ในส่วนของ Energies_group แล้วคลิกปุ่ม Show ได้เลยครับ


ส่วนใครที่ต้องการเทรดหุ้น หรือ Stock Market ของอเมริกา สามารถเลือกเทรดในส่วนของ Indices_group ตรงนี้ได้เลย

 

หลังจากที่เราเลือก เสร็จแล้ว ให้เราคลิกปุ่ม Close เพื่อปิดหน้าต่างนี้ได้เลย


เสร็จแล้วจะได้สัญลักษณ์ คู่เงิน ทองคำ คริปโต ที่เราเลือกขึ้นมาอยู่ด้านซ้ายมือของโปรแกรม



5.สมมุติว่า เราต้องการเทรดคู่ GBPJPY ให้เราคลิกที่สัญลักษณ์ GBPJPY ด้วยการคลิกที่เมาส์ซ้ายค้างไว้ แล้วลากไปเมาส์ไว้ที่กราฟ ตรงกลางของโปรแกรม Meta Trader MT4 แบบในภาพ

1.เลือกคู่ที่เราต้องการเทรดในฝั่งซ้ายมือ แล้วลากไปที่ตรงกลางหน้าจอของโปรแกรม


2.เสร็จแล้วจะได้หน้าต่างกราฟ แสดงราคาปัจจุบันของคู่เงิน GBPJPY ขึ้นมาแบบในภาพ



6.ตั้งค่า One Click Trading ในโปรแกรม Meta Trader MT4 ก่อน เพื่อความสะดวก

👉 คู่มือการตั้งค่า One Click Trading คลิกที่นี่


หลังจากที่เราตั้งค่าเสร็จแล้ว จะได้ปุ่มทำการซื้อ/ขาย ขึ้นมามุมซ้ายมือ แบบในภาพ



หัวข้อการซื้อขายในตลาด Forex และทองคำ

โดยทั่วไป หลักการของนักลงทุนที่เข้ามาเทรดในตลาด Forex จะมีลักษณะคล้ายๆ กับตลาดหุ้น ก็คือซื้อในช่วงที่ราคาถูก แล้วรอขายในช่วงที่ราคาแพงเพื่อทำกำไร เพียงแต่ในตลาด Forex เราสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง เหมือนเป็นการเกาะรายใหญ่เพื่อทำกำไร

สมมุติว่า นักลงทุนหรือนักเทรด คิดว่าราคาจะขึ้น เค้าก็จะทำการกดที่คำสั่งซื้อ หรือคำสั่ง BUY


แต่หากนักลงทุนคิดว่าราคาจะลง เค้าก็จะกดที่คำสั่งขาย และคำสั่ง SELL



แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า ราคาจะขึ้น หรือราคาจะลง ซึ่งในโลกของการเทรดเกือบทุกกระดาน จะมีศาสตร์ที่นักวิเคราะห์ใช้กันบ่อยๆ และเป็นพื้นฐานของนักเทรดทั่วโลกจำเป็นต้องศึกษาอยู่ 3 ศาสตร์ที่เป็นกลยุทธ์หลักๆ เพื่อหาการเคลื่อนที่ของกราฟ หรือการขึ้นลงของราคา ดังนี้

1.ศาสตร์ แห่งแนวรับ - แนวต้านของราคา หรือ Demand and Supply 

Demand คือความต้องการซื้อ ( BUY ) ของนักลงทุนที่อยู่ในตลาด ส่วน ( Supply ) คือความต้องการขายของนักลงทุนที่อยู่ในตลาด เป็นต้น

2.ศาสตร์ แห่งเทรนไลน์ เพื่อหาแนวโน้มของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.ศาสตร์ แห่ง Price Action ของแท่งเทียนฝั่งซื้อ และฝั่งขาย

สำหรับมือใหม่ Admin อยากทุกท่านเทรดด้วย กราฟเปล่าก่อน โดยที่เราจะยังไม่ใช้งาน Indicators ใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากนักเทรดมืออาชีพ ส่วนใหญ่ที่อยู่รอดในตลาด Forex เกิน 10 ปี ส่วนใหญ่ 80 - 90 % จะใช้ 3 ศาสตร์นี้ เป็นหลัก.

และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ ก็คือ การบริหารจัดการความเสี่ยง หรือ Money Management ซึ่งมีความสำคัญกว่า 3 ศาสตร์ที่ว่ามา 

เพื่อนๆ สามารถอ่านบทความ ความเสี่ยงคืออะไร และการจัดการความเสี่ยง 👍 ได้ที่นี่

ต่างประเทศเค้าจะให้ความสำคัญของ Money Management ไว้เฉลี่ยอยู่ที่ 70 % จาก 100 % ของคนที่อยู่รอดในตลาด Forex 


หลังจากที่เราอ่านบทความ การจัดการความเสี่ยง จากลิงค์ด้านบนจบแล้ว

ในทุกๆ การเทรด เราจะต้องมี Stop Loss และการเทรดนั้นต้องมีการรักษา R:R หรือ Risk Reward อยู่ที่ 1:2 หรืออย่างน้อยต้องให้ได้ 1:1 ทุกครั้ง เพื่อรักษา Winrate ในการสร้างกำไร เพื่อให้อยู่ในตลาดนี้

และสิ่งนึงที่สำคัญมากๆ สำหรับมือใหม่ คือให้เราลืมการใช้งาน Indicators ทุกตัว ที่เคยใช้งาน มาก่อนหน้านี้ไปก่อน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวรับ-แนวต้าน ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเป็น Mindset ที่สำคัญมากๆ ในการเทรด Forex ในช่วงเริ่มต้น

ต่อไปเป็นตัวอย่าง การเทรดครั้งแรกในฝั่ง SELL ด้วยการหาแนวต้านหรือ Supply ของราคาแบบง่ายๆ ยกตัวอย่างคู่ GBPJPY ใน Time Frame H4  ในวันที่ 14 มีนาคม 2565

Trick หลังจากที่ผม ได้เข้าไปอยู่ในเว็บ Tradingview และได้ติดตามนักวิเคราะห์ต่างประเทศหลายๆ ท่าน เค้าจะแนะนำให้เราหาแนวรับ ( Demand ) และ แนวต้าน ( Supply ) ใน Time Frame ใหญ่ๆ ตั้งแต่ H1 ขึ้นไป กับ H4 ขึ้นไป เนื่องจากมีความแข็งแรง และนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ และการตั้ง BUY Limit กับ SELL Limit จะขาดทุนน้อยกว่ากดเข้าออเดอร์แบบปกติ


1.เลือกคู่เงิน GBPJPY แล้วจากนั้น ให้เราคลิกที่ปุ่ม H4 เพื่อดูการวิ่งของราคาใน Time Frame 4 ชั่วโมง



2.เนื่องจากตัวอย่างนี้ เป็นการเทรดในฝั่ง SELL เราจำเป็นจะต้องหาแนวต้านสำคัญของราคา หรือจุดเข้า SELL ที่ได้เปรียบให้ได้มากที่สุด 

ด้วยการกดปุ่มซูมออก ( Zoom Out ) กดออกมาให้กว้างที่สุด เนื่องจากเราต้องการดูร่องรอย ของแนวต้านหรือ Supply ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต



3.หากอธิบายง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น แนวต้าน หรือ Supply Zone ก็คือจุดที่ราคาเคยวิ่งขึ้นไป แล้วถูกเทขายกลับลงมา หรือราคาฝั่ง BUY เคยขึ้นไปทดสอบแล้วไม่ผ่านโซนนั้น มีการวิ่งกลับลงมาอีกรอบ แบบตัวอย่างในภาพ



4.จากนั้น ให้เราหาจุดหรือโซนที่ราคา อยู่ในโซนเดียวกัน ให้มากที่สุด ซึ่งจะมีนัยยะสำคัญ

แของตลาดซ่อนอยู่ แล้วให้คลิกที่ปุ่มตีเส้น แนวนอนอย่างน้อย 2 เส้น


จากนั้นตีเส้นแนวนอนในโซนที่ราคามีความสัมพันธ์กันให้มากที่สุด คล้ายๆ แบบตัวอย่างนี้



5.ส่วนด้านล่างนี้จะเป็น จุดของเส้นราคาปัจจุบันที่กำลังวิ่งอยู่



6.จากนั้น นักเทรดส่วนใหญ่จะรอให้ราคาวิ่งขึ้นมาในจุดนี้ แล้วค่อยเข้าออเดอร์ในฝั่ง SELL ซึ่งคิดว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบ เนื่องจากเป็นแนวต้าน Supply Zone ที่สำคัญ



7.เมื่อราคาวิ่งขึ้นมาถึงจุดดังกล่าว มือใหม่บางท่านอาจลองเข้าเทรดที่ 0.01 ก่อนในช่วงแรกๆ ของการเทรด จากนั้นค่อยคลิกปุ่ม SELL ในจุดที่ได้เปรียบได้เลย



8.การตั้ง จุดตัดขาดทุนหรือ SL ( Stop Loss ) อย่างน้อยใน Time Frame ใหญ่อาจห่างจากจุดเข้าออเดอร์ 1 - 200 จุด หรือ 20 pip ส่วนจุดทำกำไร TP ( Take Profit ) ต้องห่างจากจุดที่เข้าออเดอร์ 1 - 2 เท่าของจุด Stop Loss 

เช่น SL ถอยห่างจากจุดที่เข้าออเดอร์ 100 จุด TP ต้องห่างออกไปอย่างน้อย 100 - 200 จุด จากจุดที่เข้าออเดอร์ เป็นต้น ( แต่ในการเทรดช่วงแรกๆ หลายท่านจะเฝ้ากราฟ แล้วกดปิดออเดอร์ก่อนถึงจุด TP ก็ได้เหมือนกัน )



คราวนี้ เราจะมาดูตัวอย่างการเข้าเทรดในฝั่งซื้อ หรือการเข้า BUY อีก 1 ตัวอย่าง

โดยจะใช้คู่สาธิตเป็น AUDJPY ใน Time Frame H4 ในช่วงวันที่ 14 มีนาคม 2565


1.ตั้งค่า Symbols ให้แสดงคู่เงิน AUDJPY ก่อน จากนั้นค่อยคลิกเมาส์ซ้ายค้างไว้ แล้วลากไปปล่อยตรงกลางจอของโปรแกรม



2.จากนั้น ตรงนี้ ให้เราเลือกการแสดงราคาให้เป็นแบบ 4 ชั่วโมง หรือ Time Frame H4



3.จากนั้น คลิกที่ปุ่มซูมออก ( Zoom Out ) ออกมาให้สุดเพื่อหาร่องรอยที่เคยเกิดแนวรับ หรือ Demane ก่อนหน้านี้

 


 

 4.เสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่มนี้ เพื่อปิดการทำงาน จะทำให้เราสามารถเลื่อนซ้ายขวา เพื่อดูราคาย้อนหลังได้



5.จากนั้น ให้เราหาจุดที่เคยผลักดันราคาขึ้นไป เป็นจุดที่อยู่ในโซน หรือแนวเดียวกันให้มากที่สุด แบบในภาพ



6.เสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่มตีเส้นแนวนอน ให้ตีเส้นแนวนอน อย่างน้อย 2 เส้น



ตีเส้นแนวนอนอย่างน้อย 2 เส้น แบบในตัวอย่าง



7.เสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่ม Zoom In เพื่อให้เห็นกราฟชัดขึ้น และปุ่มล็อคการดูราคา ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง



8.จากนั้น สำหรับคนที่เทรดในฝั่ง BUY เราจะรอให้ราคาวิ่งลงไปในโซนที่เราตีเส้นค้างไว้ แล้วค่อยกดปุ่ม BUY อีกทีได้เลย ส่วนการตั้งจุดตัดขาดทุนหรือ SL ( Stop Loss ) กับจุดทำกำไร หรือ TP ( Take Profit ) เราสามารถใช้เทคนิคเดียวกันกับตัวอย่างฝั่ง SELL ด้านบนได้เลย



เนื่องจากตลาด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งฝั่ง ซื้อ ( BUY ) และฝั่ง ขาย ( SELL )

จะมีกฏง่ายๆ อยู่ 2 ข้อ ที่เราใช้ในการเทรด ก็คือ เข้า BUY เมื่อราคาลงมาที่แนวรับ และ เข้า SELL เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปถึงแนวต้าน เพียงแต่ความยากจะอยู่ที่ใครจะหาแนวรับ แนวต้าน รวมไปถึงจุดที่เป็นจิตวิทยาของนักลงทุนรายใหญ่ได้แม่นกว่ากัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ และการฝึกฝน แต่ผมมั่นใจว่าหากสมาชิกเพื่อนๆ ลองฝึกตามเทคนิค บทความที่ Admin ทำไว้ในเว็บบ่อยๆ จะสามารถทำได้แน่นอนครับผม

 

"เมื่อใดก็ตาม ที่เราคิดว่าราคาของตลาดจะลง หรือคิดว่าราคาของตลาดจะขึ้น
โดยที่ขาดปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาสนับสนุน ห้ามเข้าเทรดช่วงนั้นเด็ดขาด เพราะจะเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างเสี่ยง และค่อนข้างอันตรายกับเงินในพอร์ต
เนื่องนักเทรดหลายคน เกิดความผิดพลาดและขาดทุนจากการที่ตัดสินใจเร็วเกินไป บ่อยครั้ง "

 

สำหรับการใช้งานโปรแกรม Meta Trader MT4 ทุกท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากห้องนี้ได้เลย 

👉 https://droidmaxthai.boards.net/thread/4541/meta-trader-mt4


ด้านล่างนี้จะเป็นตัวอยา่งการใช้ แนวรับ / แนวต้าน ( Demand / Supply ) หรือ Support & Resistance และการใช้เส้นเส้นเทรนไลน์ ( Trendline ) เพื่อหาจุด Break Out และจุดย่อของราคา ของคู่เงิน EURUSD ใน Time Frame H4 

เป็นตัวอย่างการทำ Trade setup ผ่านเว็บ Tradingview.com ช่อง Trademaxthai วันที่ 17 มีนาคม 2565 

ลิงค์สำหรับอ้างอิง

https://www.tradingview.com/chart/EURUSD/5xRWFlSb-EURUSD-Time-Frame-H4-Wait-For-Long/


EURUSD Time Frame H4 Wait For Long by Tradermaxthai on TradingView.com

ขับเคลื่อนโดย Blogger.