ความเสี่ยง และการจัดการความเสี่ยง คืออะไร
แน่นอนว่า คำว่า " ความเสี่ยง " เกี่ยวกับการลงทุน ที่คนส่วนใหญ่ หรือเราทุกคนมักจะได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ความเสี่ยง” ก็คือ “ความผันผวน” ที่มีโอกาสทั้งในฝั่งของ “กำไร” และ " ขาดทุน "
ซึ่งไม่ค่อยมีคนมาขยายความ หรือเปรียบเทียบให้เราเห็นภาพ เลยทำให้คำนี้ กลายเป็นคำที่น่ากลัว
สำหรับคนบางคนไปทั้งชีวิต อาจทำให้พลาดโอกาสหลายอย่างในชีวิตได้ รวมไปถึง Admin ด้วยก่อนหน้านี้
คราวนี้ เดี๋ยว Admin จะเล่าเกี่ยวกับความเสี่ยงในแบบ " นิยาม " ของ Admin ให้กับทุกท่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น อาจไปซ้ำกับแนวคิด หรือบทความของท่านใด ต้องขออภัยไว้ก่อนล่วงหน้าครับผม 😅
คำว่า "ความเสี่ยง" ในแบบของผมก็คือ สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่เป็นอนาคต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ที่เราไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน
เดี๋ยว Admin จะค่อยๆ ยกตัวอย่างเพื่อให้ทุกท่านมองเห็นภาพตามได้ดังนี้
ตัวอย่างที่ 1 เรื่องใกล้ตัวพวกเราทุกคน
สมมุติว่าเราอยากเดินทางไปกินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวร้านดังๆ ที่ใดซักที่นึง แต่ปรากฏว่าไปถึงแล้วร้านปิด
อันนี้ก็ถือเป็นความเสี่ยง คือ เสี่ยงที่จะเสียเวลา เสียค่ารถมาฟรีๆ เป็นต้น
หากเรามีการควบคุมความเสี่ยง เช่นมีเบอร์โทรร้าน หรือมีเพจ Facebook ของร้าน เราก็จะทราบว่า
ร้านเค้าปิด เปิดวันไหน ซึ่งจะทำให้เราลดความเสี่ยงได้นั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2 เรื่องการลงทุนเปิดร้านอาหาร
ปีที่แล้วช่วงปลายปี 2020 ผมมีคนรู้จักอยู่คนนึง เค้าเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก ซึ่งลงทุนซื้ออุปกรณ์ และซื้อของเข้าร้านไปเกือบ " สามแสนบาท " เพราะคิดว่าโควิดรอบแรกน่าจะหายไป เศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัว
ปรากฏว่าหลังจากทำร้านเสร็จ เริ่มขายไปได้ 1 เดือน โควิดรอบสองกลับมาซะงั้น ทำให้ต้อง เปิดๆ ปิดๆ และในบางวันต้องซื้อพวกวัตถุดิบมาตุนไว้ เช่น เนื้อหมู เครื่องปรุงต่างๆ เส้นก๋วยเตี๋ยว ผักต่างๆ ตกเฉลี่ยวันละ 5 - 1000 บาท บางวันไม่มีลูกค้าเท่ากับวันนั้น เค้าเสียเงินไป 500 - 1000 บาท ขึ้นอยู่กับต้นทุนของวันนั้น แน่นอนว่าของพวกนี้เก็บในตู้แช่เย็นได้ แต่หากเค้าเก็บไว้นาน ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้น เนื้อหมู ก็จะเริ่มมีกลิ่น หากลูกค้าทานเข้าไปครั้งเดียว ก็จะไม่กลับไปทานอีกเลย หรืออาจเสียลูกค้าประจำไปเลย ส่วนใหญ่ของที่มีกลิ่นแล้วเค้าจะทิ้ง ยอมขาดทุน ซึ่งอันนี้ยังไม่รวมถึงค่าแก็สหุงต้ม ที่ต้องเปิดทิ้งไว้เพื่ออุ่นน้ำก๋วยเตี๋ยววันละหลายชั่วโมง
และแล้วสิ่งที่เค้าไม่คาดคิดก็มาถึง เมื่อมีโครงการทำถนนสี่เลน ซึ่งเป็นผ่านตึกที่เค้าไปทำร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่พอดี ทำให้ต้องปิดร้านหลายเดือน จนทุกวันนี้ ทุนอันเดิมหายไป รวมๆ เกือบ 5 แสนบาท จะย้ายไปร้านใหม่ก็ไม่มีทุนอีก ช่วงนี้เค้าต้องเปิดอยู่ที่เดิมแต่ขายได้น้อยลงเพราะลูกค้าเข้าไปกินลำบาก
ความเสี่ยงของตัวอย่างนี้ก็คือ 1.การระบาดของโควิดรอบสอง ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น
2.การที่ต้องซื้อวัตถุดิบ มาลงทุนในแต่ละวันประมาณ 500 - 1,000 บาท บางวันยังไม่รวมค่าแก็ส ค่าไฟตู้แช่
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าลงทุนไปแล้ว จะมีลูกค้าเข้ามากินที่ร้านหรือเปล่า ซึ่งความเสี่ยงนี้ร้านอาหารเกือบทุกร้านต้องเจอแบบเดียวกัน ( สำหรับคนที่เทรด Forex เห็นตัวอย่างนี้แล้ว อาจเสียดายเงินวันละ 500 - 1000 บาท แล้วบอกว่าทำไม่เค้าไม่เอาเติมพอร์ตแน่ๆ ผมรู้ทัน อิอิ 😆 ) แต่ถ้าหากเค้าขายได้ จนของที่ตุนไว้หมด ก็จะได้กำไรเฉลี่ยวันละ 1,000 - 2,000 บาท
3.เจอโครงการทำถนนสี่เลนผ่านหน้าร้าน ซึ่งอันนี้เค้าไม่รู้มาก่อนเลยเป็นสิ่งที่ยากเกินคาดการณ์ เพราะเค้าสอบถามคนแถวนั้นก่อนเปิดร้าน ไม่มีใครรู้มาก่อนเหมือนกัน สรุปปิดกันทุกร้านในโซนนั้น
ตัวอย่างที่ 3 ความเสี่ยง เกี่ยวกับเรื่องการเสี่ยงโชค
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัวของใครหลายๆ คน เกี่ยวกับเรื่องหวยๆ 😁 😁
สมมุติว่า เราซื้อลอตเตอรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นใบละ 80 - 100 บาท ในแต่ละงวด
ถือเป็นการลงทุนอีกแบบ ซื้อเยอะลงทุนเยอะ ซื้อน้อยลงทุนน้อย ความเสี่ยงในที่นี้ ก็คือ เสี่ยงที่จะถูกหวย
กับเสี่ยงที่จะไม่ถูกหวย ซึ่งจะมีอยู่ 2 ทางเท่านั้น
ซึ่งหากพูดเกี่ยวกับเรื่องหวยแบบไม่โกหกตัวเอง บางคนซื้อมาทั้งชีวิตอาจถูกไม่เกิน 2 งวด
หรือไม่เกิน 5 งวด บางคนซื้อ 10 งวดติด ไม่ถูกเลยซักงวด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น
แต่พวกเค้าก็ไม่ยอมแพ้ ก็ซื้อเก็บไว้เกือบทุกงวด บางคนอาจซื้อแต่ละที เป็นหมื่น เป็นแสน
ซึ่งเป็นความสุข ความพอใจ ของแต่ละคน เราว่ากันไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นการลงทุน และรับความเสี่ยง อีกแบบนึง
คราวนี้ เราจะมาพูดถึง "การจัดการความเสี่ยง" กันครับ
สิ่งที่จะจัดการกับเสี่ยงได้ดี ในแบบของผม จะมีอยู่หลักๆ ด้วยกัน 3 องค์ประกอบ ดังนี้
1.ความรู้และการฝึกฝน ในสิ่งที่เราทำอยู่หรือกำลังจะทำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะ
2.การสังเกต ในสิ่งที่เราทำ เช่นสังเกตการซื้อขาย,พฤติกรรมของผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับว่าเราทำธุรกิจอะไรอยู่ในช่วงนั้น
3.ประสบการณ์ หรือบทเรียน ความผิดพลาดที่ทุกคนจะต้องเจอ หรือเคยเจอ แต่เจอแล้ว จะทำยังไงให้ผ่านไปให้ได้นั่นเอง โดยที่เจ็บปวดน้อยที่สุด เพราะพระอาทิตย์ยังมีขึ้น ลง คนเราทุกคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ตอนลง เราจะทำยังไง ให้ลงได้นุ่มที่สุดนั่นเองครับ
ไหนๆ เว็บหรือ Blog นี้ ก็เกี่ยวกับเทรด จะไม่พูดถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการเทรด ยังไงก็จะแปลกๆ อยู่
การเทรดในแบบของผมก็คือ การเดาหรือการวิเคราะห์ทิศทางของกราฟ ว่าจะวิ่งขึ้น หรือวิ่งลง ( เนื่องจากไม่มีใครรู้ล่วงหน้า )
หากเราคิดว่ากราฟจะวิ่งขึ้น เราก็จะทำการเข้าซื้อ ( BUY ) แต่หากเราคิดว่ากราฟจะวิ่งลง เราก็จะทำการเข้าเซล ( SELL )
ซึ่งอันนี้ก็คือความเสี่ยงอีกอย่างนึง เสี่ยงที่เราไม่รู้ล่วงหน้า เพียงแต่เราสามารถใช้ความรู้ การฝึกฝน เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ และประสบการณ์ มาใช้งานเพื่อลดความเสี่ยงได้เยอะนั่นเอง
โดยจะมี 2 ปัจจัยหลักในตลาด ที่ทำให้กราฟวิ่งขึ้น และวิ่งลง
เช่นหากมีผู้ซื้อ หรือฝั่ง BUY เยอะกว่าในช่วงเวลานั้นๆ ราคาก็จะวิ่งขึ้น แต่หากมีผู้ขาย หรือฝั่ง SELL เยอะกว่า ในช่วงเวลานั้นๆ ราคาก็จะวิ่งลง นั่นเอง
และหาก เรามีความรู้ และการฝึกฝน ประสบการณ์ ความชำนาญ เราก็จะสามารถทำกำไรจากตลาดได้
แต่การเทรดนั้น บนโลกใบนี้ ไม่มีสูตร หรือเทคนิค ที่สามารถเทรดชนะได้ทุกครั้ง แบบ 100 %
เราเลยต้องมีการจัดการความเสี่ยง ในการเทรดทุกครั้ง
ด้วยการรักษา Risk Reward Ration หรือการชนะ Win Rate ในแต่ละไม้ที่อัตรา 1:2 ขึ้นไปทุกครั้ง
หรือบางคน 1:3 ขึ้นไป แต่พยายามอย่าให้น้อยกว่า 1:2 เพื่อให้อยู่ในตลาดได้นาน
ผมเคยได้คุยกับคนที่เทรดหลายคน ที่เค้าเทรดมาเป็น 10 ปีว่าทำไม่ถึงไม่ยอมแพ้ และยังเทรดอยู่ในปัจจุยัน
คำตอบที่ได้ของเค้าคือ เค้าเป็นคนเล่นหวย ชอบซื้อลอตเตอรี่มาก่อน ซื้อเกือบทุกงวดแต่ไม่เคยถูกซักงวด
มีนักเทรดในไทย บางท่าน เทรด Forex ทุกวันที่ 1 กับวันที่ 16 เค้าบอก ซื้อหวยไม่น่าถูก แต่เทรดไม่แน่ เก็บตังค์ซื้อหวย มาเทรด Forex แบบนี้ก็มีเหมือนกัน เทรดเอาสนุกได้ลุ้น วิเคราะห์ดีๆ ไม่แน่ได้ทำ R:R ได้สูง
แต่กับตลาด Forex สมมุติเค้าเทรดทั้งหมด 10 ไม้ ถึงเค้าแพ้ 5 ไม้ก็ยังไม่ขาดทุน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
นั่นก็เพราะเค้ารักษา R:R ( Risk Reward ) ที่ 1:2 แพ้ 1 ได้ 2 ในทุกไม้ที่เทรดนั่งเอง แต่น้อยมากที่เค้าจะแพ้เกือบ 5 ไม้ติด จึงเป็นเหตุผลที่เค้ายังเทรดอยู่ทุกวัน ต่อให้แพ้ 6 ไม้ เค้าก็ยังได้กำไร
ในทางตรงกันข้ามหากเค้าเทรดที่ R:R 1:1 ( ได้ 1 เสีย 1 ) หากเค้าเทรด 10 ไม้ แพ้ 6 ไม้ เค้าก็จะขาดทุน
แต่เค้าบอกว่านักเทรดที่ดี จำเป็นต้องทำบันทึกการเทรด หรือ Forex Trading Journal ด้วยทุกครั้ง
เพื่อให้เห็นกำไร/ขาดทุน ในทุกๆ สัปดาห์ เพื่อเป็นการสร้างวินัยการเทรดไปด้วยในตัว
ซึ่งเพื่อนๆ ที่กำลังเทรดอยู่ สามารถสร้าง Trading Journal ตามวิดีโอในห้องนี้ได้เลยครับ
👉 https://droidmaxthai.boards.net/thread/4657/excel
ภาพประกอบ เปรียบเทียบอัตรา Risk Reward 1:1 และ 1:2 เพื่อให้เพื่อนเห็นภาพได้มากขึ้น
Risk Reward 1:1 |
Risk Reward 1:2 |
สรุปความรู้ที่เราจำเป็นต้องใช้ในการเทรด อาจสรุปย่อๆ ได้ดังนี้
ความรู้เกี่ยวกับแนวรับ แนวต้านของราคา ,เส้นเทรนไลน์, รูปแบบของราคาเป็น Uptrend หรือ Downtrend, จุดกลับตัวของราคา,และข่าวสำคัญของตลาด Forex ที่จะมีข่าวทุกวันจันทร์ถึงศุกร์
😃 ความรู้และประโยชน์เกี่ยวกับข่าว Forex คลิกที่นี่
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อยครับผม